ไฮไลท์ของงาน WWDC 2013 เมื่อคืนนี้ก็คือการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 7 ที่ซีอีโอ Tim Cook ยังบอกเองว่า “เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งการเปิดตัว iPhone ในปี 2007″ โดยทีมของ Jony Ive ได้เข้ามารับผิดชอบ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 2 ส่วนทั้งหน้าตาดีไซน์ และคุณสมบัติการทำงาน โดยสำหรับเนื้อหาส่วนนี้จะลงรายละเอียดในแง่ฟีเจอร์ คุณสมบัติการทำงานใหม่ๆ บน iOS 7 ครับ
Control Center – ควบคุมทุกอย่างได้เร็วขึ้น
Control Center เป็นคุณสมบัติที่ให้ผู้ใช้ iOS 7 สามารถควบคุมและเข้าถึงแอพได้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยการปัดหน้าจอจากด้านล่าง ซึ่งทำได้แม้หน้าจอ Lock อยู่ โดยมีแผงควบคุมตามลำดับดังนี้
- Airplane Mode, Wi-Fi, Bluetooth, Do Not Disturb, Lock Rotation
- ความสว่างหน้าจอ
- ควบคุมการเล่นเพลง
- AirDrop และ AirPlay
- เรียกแอพ ไฟฉาย, นาฬิกา, เครื่องคิดเลข, กล้องถ่ายรูป
Notification Center – วันนี้มีอะไรบ้าง
Notification Center ซึ่งเรียกดูจากการปัดหน้าจอจากด้านบน ก็ถูกออกแบบใหม่เช่นกัน โดยสามารถเรียกดูได้แม้หน้าจอ Lock อยู่ คุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือการแสดงผลเป็น 3 แถบ คือ Today แสดงเนื้อหาเตือนภายในวันนี้ รวมถึงสภาพอากาศ การจราจร นัดหมาย และเหตุการณ์สำคัญ รวมถึงเรื่องสำคัญของวันถัดไป ส่วนอีกสองแถบคือ All แสดงรายการเตือนทั้งหมด กับ Missed แสดงรายการเตือนที่เราไม่ได้เข้าไปดูช่วง 24 ชั่วโมงย้อนหลัง
Multitasking – ฉลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ระบบ Multitasking หรือการทำงานพร้อมกันหลายแอพบน iOS 7 มาพร้อมกันดีไซน์ใหม่ เมื่อเรากดปุ่ม Home สองครั้ง จะแสดงแอพทั้งหมดที่รันอยู่แบบเห็นหน้าตาแอพที่รันอยู่ และปิดแอพได้โดยการปัดแอพขึ้นด้านบน นอกจากนี้ Multitasking ใหม่ยังเพิ่มคุณสมบัติของการทำงานในแบ็คกราวด์ที่ฉลาดขึ้นกว่าเดิม
- Intelligent scheduling – จดจำพฤติกรรมการใช้งานแอพของเรา และดึงข้อมูลอัพเดตมาให้ เช่นถ้าเราชอบเช็ก Facebook ตอน 9 โมงเช้า ข้อมูลก็จะดึงมาให้ก่อน
- Opportunistic updates – ดึงข้อมูลมาให้ตามสถานการณ์ เช่นแอพนั้นเปิดอยู่หรือไม่ การเชื่อมต่อเป็น Wi-Fi หรือไม่ ก็จะดึงข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม
Camera – ถ่ายภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส, เติมฟิลเตอร์ได้
กล้องบน iOS 7 มีการปรับเพิ่มคุณสมบัติใหม่เข้ามาอีกหลายอย่างเช่นกัน
- เติมฟิลเตอร์แบบเรียลไทม์ เลือกได้ 9 แบบ (เฉพาะ iPhone 5, iPod Touch Gen5 ถ้าเป็นรุ่นก่อนหน้าต้องเติมฟิลเตอร์ผ่าน Photos)
- โหมดถ่ายภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหมาะมากกับ Instagram
- ปรับเปลี่ยนถ่ายภาพด้วยการปัดเลื่อนซ้าย-ขวา
Photos – จัดอัลบั้มภาพตามช่วงเหตุการณ์และสถานที่
แอพ Photos มาพร้อมคุณสมบัติใหม่เรียกว่า Moments ซึ่งเป็นการจัดเรียงภาพถ่ายและวิดีโอของเราโดยอัตโนมัติ เรียงตามเวลาและสถานที่ นอกจากนี้ยังสามารถซูมออกมาดูในระดับใหญ่เป็นรายสถานที่ หรือรายปีได้ด้วย
การจัดการภาพถ่ายใหม่บน iOS 7 นี้ยังมาพร้อมกับระบบ iCloud Photo Sharing ที่นอกจากเราจะแชร์ภาพให้กลุ่มเพื่อนคนในครอบครัวผ่าน photo streams แบบเดิมได้แล้ว เพื่อนหรือคนในครอบครัวก็ยังสามารถแชร์ภาพพวกเขากลับมาใน photo streams ของเราได้ด้วยเช่นกัน
AirDrop – แชร์ไฟล์ข้ามเครื่องง่ายๆ
AirDrop เป็นคุณสมบัติการแชร์ไฟล์ให้กับเพื่อนในวง Wi-Fi เดียวกันที่มีอยู่ใน Mac คราวนี้ AirDrop ถูกนำเข้ามาใส่ใน iOS 7 ด้วย โดยเราสามารถแชร์ไฟล์ทั้งเอกสาร รูปภาพ วิดีโอ รายชื่อติดต่อ หรือข้อมูลในแอพได้เลยด้วยปุ่ม Share ให้กับเพื่อนที่อยู่ใกล้กันกับเราผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth โดยข้อมูลที่ส่งผ่านนั้นมีการเข้ารหัสจึงปลอดภัย และเรายังสามารถตั้งค่าเลือกรับไฟล์จากเพื่อนใน Contact หรือไม่ใช่ก็ย่อมได้ วิธีการนี้แอปเปิลกล่าวว่าง่ายกว่าอีกค่ายที่ต้องเอามือถือมาแตะกัน
AirDrop for iOS มีให้ใช้เฉพาะ iPhone 5, iPad 4, iPod Touch Gen5, iPad mini เท่านั้น และต้องใช้บัญชี iCloud ควบคู่กันด้วย
Safari – ออกแบบใหม่ ให้ทำอะไรได้มากกว่าเดิม
เบราเซอร์ Safari มีการออกแบบหน้าตาใหม่ทั้งหมด เพิ่มพื้นที่แสดงเนื้อหาเว็บมากขึ้น และยังมาพร้อมคุณสมบัติอื่นดังนี้
- Smart search – ระบบค้นหาที่ทำงานได้ดีขึ้น
- Tab View แบบใหม่ให้มุมมองที่ต่างออกไป
- iCloud Keychain – ระบบจดจำรหัสผ่านและข้อมูลของเราในการกรอกลงเว็บ ทำงานร่วมกับ Mac ได้ด้วย
- Password Generator – ตัวช่วยสร้างและจดจำรหัสผ่านที่ปลอดภัยเมื่อเราสมัครบริการตัวใหม่บนเว็บ
- Parental Controls – ระบบควบคุมการเข้าถึงข้อมูลเว็บที่ไม่เหมาะสมที่ปรับปรุงให้ดีมากขึ้น
- Shared Links – ดูว่า Link เนื้อหาที่เรากำลังอ่านอยู่นี้มีการพูดถึงอย่างไรบน Twitter
- Reading List – จัดเรียงเนื้อหาที่เราเลือกอ่านภายหลังเป็นหน้าๆ ต่อเนื่อง
Siri – โฉมใหม่ เสียงใหม่ เก่งขึ้นอีก
ผู้ช่วยประจำ iOS อย่าง Siri ก็มีอะไรใหม่ๆ บน iOS 7 เช่นกัน โดยมาด้วยหน้าตาใหม่ เสียงใหม่ที่ให้ความรู้สึกเป็นมนุษย์มากขึ้น แถมยังเลือกเสียงเป็นผู้ชาย-ผู้หญิงได้ด้วย Siri ยังเพิ่มแหล่งข้อมูลในการค้นหาทั้ง Wikipedia, Bing และ Twitter ทำให้ข้อมูลมีความหลากหลายขึ้นไปอีก
แอปเปิลบอกว่า Siri บน iOS 7 นี้ จะทำงานได้เร็วขึ้น รองรับคำสั่งเสียงที่หลากหลายสำเนียงมากขึ้น และยังทำงานได้มากขึ้น เช่นการแก้ไขค่าใน Settings หรือเปิด Voicemail
แต่ถึงอย่างนั้น Siri ก็ยังไม่รองรับภาษาไทยอยู่ดี
App Store – อัพเดตแอพให้เองอัตโนมัติ
App Store ที่มีแอพให้เลือกมากกว่า 900,000 แอพ สำหรับบน iOS 7 นี้ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่หลายคนก็คงรอคอยกัน
- Near Me – ค้นหาแอพแนะนำสำหรับพิกัดที่เราอยู่ เช่น เมื่ออยู่ในฝรั่งเศสก็แสดงแอพเกี่ยวข้องกับฝรั่งเศสมาให้เลือก
- เพิ่มหมวดใหม่ Kids มีเฉพาะแอพสำหรับเด็ก
- ระบบอัพเดตแอพให้เลยอัตโนมัติ คุณจึงลืมตัวเลขสีแดงบน App Store ได้เลย
Find My iPhone – ถึงหาไม่เจอ เธอก็ใช้มันไม่ได้อยู่ดี
Find My iPhone มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ Activation Lock ที่บังคับให้ผู้ใช้ต้องใส่รหัสผ่าน Apple ID ก่อนที่จะลบข้อมูลในเครื่องทิ้ง หรือปิด Find My iPhone ทิ้ง ถ้าหากใส่รหัสผ่านนี้ไม่ได้ iPhone นี้ก็ไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ไม่ว่าอย่างไร แถมยังสามารถส่งข้อความเตือนขึ้นมาได้อีกแม้ว่าจะลบทุกอย่างไปแล้ว
แนวคิดนี้น่าจะถูกใจใครหลายคน เพราะบางกรณี Find My iPhone ก็ไม่อาจช่วยให้เราตามหาโทรศัพท์เจอได้ แต่ระบบ Activation Lock ช่วยให้เราแน่ใจว่าถึงยังหาเครื่องไม่เจอ แต่ก็จะไม่มีใครเอา iPhone เราไปใช้ได้ ตรงนี้อาจช่วยลดแรงจูงใจในการขโมยได้อีกทางหนึ่ง
คุณสมบัติอื่นๆ
ยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกมากมายบน iOS 7 ซึ่งเท่าที่รวบรวมมาก็มีดังนี้ครับ
- iOS in the Car – เชื่อมการทำงานของ iOS เข้ากับรถยนต์ อาทิ โทรศัพท์ ข้อความ แผนที่
- Maps แบบ Night Mode – สำหรับใช้งานในเวลากลางคืน
- FaceTime เฉพาะเสียง (ประหยัดค่าโทรศัพท์เลยทีนี้)
- ซิงก์ Notification ข้ามอุปกรณ์ ทำให้เราไม่เจอ Notification ซ้ำไปมา
- บล็อกสายเข้า, ข้อความ, FaceTime จากคนที่เราไม่ต้องการคุย
- รองรับพจนานุกรม จีน-อังกฤษ
- ระบบการจัดการที่ดีขึ้นสำหรับ iPhone, iPad ในองค์กร
- รองรับ Inclinometer หรือตัววัดระดับความลึก
- Notification จะแสดงผลด้วยภาษาธรรมชาติ เป็นประโยคข้อความในบางแอพ
- รองรับ Wi-Fi HotSpot 2.0
- Maps รองรับ Turn-by-turn แบบการเดิน
- PDF annotations
- เลิกใช้ระบบแท็กหน้าบุคคลและสถานที่ใน Photos
- วิดีโอรองรับ 60 เฟรมต่อวินาที
- รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ควบคุมเกมจากนักพัฒนาภายนอก
iOS 7 จะเปิดให้ดาวน์โหลดได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยมีอุปกรณ์ที่รองรับคือ iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPod Touch 5th Generation, iPad 2, iPad 3, iPad 4 และ iPad mini
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก www.macthai.com
[php function=1]