วิธียืดอายุแบตเตอรี่ และวิธี calibrate iPhone iPad iPod
หลายคน อาจจะอยากรู้ ทำอย่างไรถึงจะสามารถยืดเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone iPad iPod Macbook ได้
ลองมาฟังคำแนะนำ 4 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณยืดเวลาการใช้งานแบตเตอรี่กัน
คำแนะนำแรก – ปรับความสว่างของหน้าจอ
การปรับความสว่างของหน้าจอให้เพิ่มขึ้นนั้น เป็นการกินแบตเตอรี่อย่างมาก ดังนั้นคุณควรปรับความสว่างของหน้าจอ iPhone 4 ของคุณให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดให้เต็มที่ตลอดเวลา โดยไปที่ Setting แล้วเลือก Brightness สำหรับการปรับความสว่างหน้าจอ
คำแนะนำที่สอง – ปิดการใช้งานเหล่านี้ หากไม่ได้ใช้
ก. 3G – คุณสามารถเชื่่อมต่อและใช้งานอินเตอร์เน๊ตได้รวดเร็วมาก หากใช้ระบบ 3G แต่ขอแนะนำให้ปิดระบบ 3G เมื่อคุณไม่ได้ใช้งาน เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อย่างแน่นอน โดยไปที่ Settings –> General –> Network –> แล้วมองหา ปุ่มเปิด/ปิด การใช้งาน 3G
ข. WiFi – WiFi เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ท แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่ได้ใช้ WiFi หรือจะเข้านอน คุณควรปิดการใช้งาน WiFi เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โดยไปที่ Settings –> Wi-Fi แล้วก็ เปิด/ปิด การใช้งาน WiFi
ค. Bluetooth – การใช้งาน Bluetooth นั้นต้องใช้แบตเตอรี่อย่างมาก ซึ่งจริงๆ แล้ว เราไม่จำเป็นต้องใช้ Bluetooth ตลอดเวลา ดังนั้นคุณสามารถปิด เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้ โดยการไปที่ Settings –> General –> Bluetooth แล้วก็ เปิด/ปิด ได้ทันที
ง. เสียง และการสั่น – คุณสามารถปิดเสียง และการใช้งานสั่น ที่ไม่จำเป็น เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้ เช่น เสียงเวลา Lock เครื่อง, เสียงเวลากด Keyboard และ อื่น ๆ โดยไปที่ Setting –> Sounds สำหรับการตั้งค่าเสียงและการตั้งค่าการสั่น
จ. การแจ้งเตือนต่างๆ – หากคุณใช้โปรแกรมที่ชอบส่งการแจ้งเตือนอะไรต่อมิอะไรตลอดเวลา และถ้าคุณต้องการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ คุณควรจะปิดโปรแกรมนั้น และ ยกเลิกการติดตั้งโปรแกรมนั้นๆ (uninstall) ไปเลย
คำแนะนำที่สาม – ปิดโปรแกรมต่าง ๆ ให้สนิท
อย่างที่เรารู้กัน iPhone 4 สามารถรองรับการทำงานหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน หรือ multitasking ดังนั้นจำไว้ว่า คุณควรปิดโปรแกรมต่าง ๆ หากคุณไม่ได้ใช้มัน
คำแนะนำที่สี่ – Calibrate เดือนละครั้ง
วิธี Calibrate
1. เสียบสายชาร์ตเพื่อทำการชาร์ตแบตเตอรี่ทิ้งไว้จนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม ซึ่งจะสังเกตได้ว่าไฟที่สายชาร์ตนั้นจะเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีเขียวและที่ หน้าจอจะแสดงข้อมูลว่าแบตเตอรี่เต็ม
2. ให้เสียบสายชาร์ตทิ้งไว้ต่อไปอย่างน้อยสัก 2 ชั่วโมง โดยระหว่างนี้สามารถใช้งานเครื่องได้ปกติ
3. เมื่อครบ 2 ชั่วโมงแล้วให้ถอดสายชาร์ตออก แต่ให้เปิดเครื่องทิ้งไว้จนกว่าแบตเตอรี่จะหมด ซึ่งระหว่างนี้สามารถใช้งานได้ปกติ และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้จะหมดจะมีข้อความเตือนขึ้นมาว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดแล้ว ถึงตอนนี้หากทำงานอยู่ให้ทำการ Save ข้อมูลงานไว้
4. เมื่อ Save ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ให้ใช้งานเครื่องต่อไปจนกว่าแบตเตอรี่หมด เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมดเครื่องจะเข้าสู่ Sleep Mode
5. ให้เปิดเครื่องขึ้นมาใหม่เพื่อทำการ Shut Down หรือใช้งานจนกว่าจะเปิดเครื่องใหม่ไม่ติด แล้วให้ทิ้งเครื่องไว้อย่างน้อย 5 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเสียบสายชาร์ต
6. เมื่อครบ 5 ชั่วโมง ให้เสียบสายชาร์ตอีกครั้งและรอจนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก: www.7boot.com
An outstanding share! I’ve just forwarded this onto a colleague who had been doing a little
homework on this. And he actually bought me breakfast due
to the fact that I found it for him… lol. So allow me
to reword this…. Thanks for the meal!! But yeah,
thanx for spending the time to discuss this issue here on your site.